มาถึงความเชื่อของทางฮินดูบ้าง จากการเดินทางไปแสวงบุญ
และประกอบพิธีในประเทศอินเดียเรียกว่านับครั้งไม่ถ้วน ได้พบเห็นการทำบูชา
ในทุกภาคของอินเดีย ว่ากันตามเป็นจริง ที่รู้ที่เห็นก็ไม่มีใครเขาบูชาด้วยข้าวสี
หรือธัญพืชแบบที่ทำกันในบ้านเรา (ใส่ถ้วยใส่ขวดแล้ววางถวาย) การถวายข้าวสาร
ในพิธีบูชา จะใช้แทนการถวายอาสนะ หรือในพิธีอุปจาระในขั้นตอนของการถวายดักสินา
แทนของมีค่าเครื่องประดับ ส่วนข้าวสารที่ใช้ย้อมสีจะใช้ทำยัญ หรืออาสนะในมณฑลพิธี
ซึ่งจะกำหนดสีของเทพแต่ละพระองค์ไว้ ไม่ใช่การย้อมข้าวใส่กล่องหรือแก้วมาวางตั้งบูชา การที่ใช้ข้าวสาร หรือธัญพืชในพิธีดังกล่าวเพราะ ถือว่าข้าวสาร หรือธัญพืชเป็นของมีค่าในเวลาที่เราอับจนเราไม่สามารถกินเงินทอง หรือเพชรพลอยได้
ซึ่งเงินทอง หรือเพชรพลอยที่เราเห็นว่ามีค่า มันไม่มีความหมายเลย ผิดกับข้าวสาร
ที่เราสามารถนำมาหุงกินได้ ธัญพืชสามารถนำมาปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตได้
ดังนั้นคนโบราณจึงถือว่าธัญพืชต่างๆเป็นของมีค่า จึงนำของมีค่าทั้งหลายเหล่านี้มาใช้
ในพิธีทำยันต์ หรืออาสนะ อันหมายถึงบัลลังก์ของเทพที่ประดับไปด้วยเพชรพลอย ความอุดมสมบูรณ์ หรือในพิธีดักสินา การถวายอาภรณ์เครื่องประดับโดยใช้ข้าวสารแทนเพชรพลอยต่างๆ
ดังนั้นจะเห็นได้เลยว่า การที่เราซื้อข้าวสารสีต่างๆ ที่เค้าเรียงไว้ หรือใส่ไว้ในถ้วยสวยหรู แล้วนำไปวางถวายไว้หน้าองค์เทพนั้น ไม่เป็นที่ปฏิบัติกัน ทั้งทำเนียมไทย และฮินดู จะใช้ถวายเป็นอาสนะที่นั่งขององค์เทพขณะประกอบพิธี ใช้ถวายแทนแก้วแหวนเงินทองจริงในพิธีถวายดักสินาแก่องค์เทพ และใช้ทำยันต์ต่างๆ เท่านั้น ส่วนธัญพืชต่างๆ ก็ถวายกันโดยทั่วไปเพราะเป็นการสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ดังธรรมเนียมปฏิบัติ
เมื่อเรารู้ถึงที่มาที่ไปแล้ว เราจะได้ใช้ หรือถวายได้ถูกต้อง ไม่ใช่แต่ทำตามที่เค้าบอกมา โดยไม่หาที่มาที่ไป ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์ และเราเมื่อรู้แล้วก็แก้ไขทำใหม่ ให้ถูกต้อง “รู้แค่ห้าสิบก็ทำห้าสิบ รู้ร้อยก็ทำร้อย ทำแล้วไม่รู้ว่าถูกหรือผิดอย่าทำ รู้ห้าสิบทำร้อย ทำเกินในสิ่งที่รู้ย่อมไม่รู้ว่าถูกหรือผิด อย่าทำ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น